หน้าเว็บ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผู้จัดทำ

ผู้จัดทำ

ชื่อ :  นางสาวสินจัย  สีหาทัพ
สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา
ห้อง  2   ปี  2  เลขที่  28
คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยนครพนม

ผลไม้ล้างสารพิษ


ผลไม้ล้างสารพิษ หนึ่งทางเลือกที่ดีๆสำหรับคนรักสุขภาพ
            คุณรู้หรือไม่ว่า.. บางครั้งอาหารที่เรารับประทานเข้าไปอาจมีสารพิษตกค้าง!!
หากสารพิษสะสมในร่างกายในปริมาณสูงจะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา!!
             การหันมาเลือกรับประทานสิ่งมีประโยชน์อย่าง 
ผลไม้ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยล้างสารพิษใน ตับ ไต ลำไส้ ผิวหนัง ได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการจับตัวของสารพิษ รวมถึงช่วยขับของเสีย ซึ่งสารพิษต่างๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายอาจมาจากควันพิษในอากาศ สารเจือปนในอาหาร อย่างสีผสมอาหาร สารกันเสีย ยาฆ่าแมลงได้เช่นกัน....เรามาดูกันว่าผลไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติในการขับสารพิษอย่างไรกันบ้าง!!!

ชนิดแรกคือ 
แอปเปิ้ล 

ผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย แอปเปิ้ลมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำที่ชื่อเพคทิน ซึ่งสารนี้จะช่วยกำจัดสารพิษทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดี การรับประทานแอปเปิ้ลที่ดีควรล้างให้สะอาดโดยไม่ปอกเปลือกเพราะจะทำให้ไม่เสียคุณค่าทางโภชนาการไป

ชนิดต่อมาเป็น “แตงโม”
 

“แตงโม มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างไตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดความดันโลหิต และทำให้สบายท้อง แตงโม เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ มีความเย็น รสหวาน รับประทานเป็นผลไม้แก้กระหายคลายร้อนได้อย่างดี หรือดื่มเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ น้ำแตงโม ยังช่วยทำให้ร่างกายขับปัสสาวะได้ดี จึงมีผลช่วยล้างไต ล้างกระเพาะปัสสาวะ ไม่ให้ร่างกายมีการสะสมกรดยูริค อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไขข้อ โรคเกาต์

ถัดมาได้แก่ “องุ่น”
 

มีฤทธิ์เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่ออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆในร่างกายองุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย อุดมด้วยเกลือแร่ ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง คนที่ร่างกายผอมแห้งแรงน้อย แก่ก่อนวัย ไม่มีเรี่ยวแรง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำจะช่วยเสริมทำให้ร่างกายค่อยๆแข็งแรงขึ้นได้

 “สัปปะรด” 

จัดเป็นผลไม้อมเปรี้ยวอมหวานอีกชนิดหนึ่งที่สามารถล้างสารพิษได้และยังสามารถนำไปทำอาหารทั้งคาวและหวานได้หลายชนิด ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมาย สัปปะรดมีเอนไซม์โบรมีลินสูง เอนไซม์นี้ช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสัปปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ ช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อ กำจัดน้ำมูก ย่อยอาหาร ขับเหงื่อ บำรุงกำลัง

ส่วน “มะละกอ” และ “มะม่วง”
 
        


ทั้งสองอย่างนี้มีลักษณะคล้ายกัน ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อว่าพาเพน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับน้ำย่อยเพปซินในกระเพาะอาหาร จึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น ช่วยทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหาร เชื่อกันว่ามะละกอยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย

ชนิดสุดท้าย อะโวคาโด
 

เราอาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันสามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก การรับประทานอะโวคาโดสามารถทานได้สดๆหรือนำมาดัดแปลงทำเป็นสลัดอะโวคาโดเพื่อเปลี่ยนรสชาติในการรับประทานได้ดีอีกทางหนึ่งด้วย
            ไม่เพียงแค่ผลไม้ ชนิดนี้เท่านั้น ยังมีผักและผลไม้อีกมากมายหลายชนิดที่มีคุณประโยชน์อยู่ที่เราจะเลือกรับประทานอย่างไรเพื่อให้ได้คุณค่ามากที่สุด หันมารับประทานผัก ผลไม้  นอกจากจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้แล้วยังช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆให้อยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน และดิฉันก็หวังว่าเพื่อนๆทุกคนจะได้ประโยชน์อย่างมากจากเกร็ดความรู้นี้นะคะ

ขนมไทย



ทองหยอด

ไข่เป็ด 18 ฟอง
แป้งทองหยอด ถ้วยตวง (หรือแป้งข้าวเจ้า)
น้ำตาลทราย ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ ถ้วยตวง


 วิธีทำขนมไทย
1. ผสมน้ำลอยดอกไม้กับน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง แล้วนำไปตั้งไฟแรงให้เดือด เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงแบ่งน้ำเชื่อมส่วนหนึ่งออกมาสำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว
2. ต่อยไข่ แยกไข่ขาวออก ใช้เฉพาะไข่แดง โดยนำไข่แดงไปกรองในผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก จากนั้นจึงตีไข่แดงให้ขึ้นฟู จากนั้นค่อยๆผสม แป้งทองหยอดลงไปและคนให้แป้งและไข่แดงเข้ากัน
3. นำไข่แดงที่ผสมแป้งเรียบร้อยไปหยอดในน้ำเชื่อม สำหรับวิธีหยอดนั้นให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง หยิบส่วนผสมมาเป็นลูกขนาดพอประมาณ แล้วจึงสบัดลงไปในน้ำเชื่อม ทำเช่นนี้จนเต็มกระทะทองเหลือง จากนั้นรอจนทองหยอดสุกจึงตักออกมาพักใส่ในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ก่อนหน้านี้ (ทองหยอดที่สุกจะลอยขึ้น)
4. จัดทองหยอดใส่จานเสริฟเป็นของว่างหรือของทานเล่นในวันพักผ่อนสบายๆ




ขนมชั้น
แป้งข้าวเจ้า ถ้วยตวง
แป้งท้าวยายม่อม ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ ถ้วยตวง
กะทิ ถ้วยตวง
น้ำดอกอัญชัญ ช้อนโต๊ะ  (หรือน้ำใบเตยคั้นสด,หรือใช้สีผสมอาหารตามแต่สีที่ต้องการ)


วิธีทำขนมไทย


1. นำดอกอัญชันล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นใส่น้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเตรียมน้ำดอกอัญชัญ กรณีต้องการทำสีเขียวจากใบเตย ก็นำเอาใบเตยไปล้างให้สะอาดและนำไปปั่นใส่น้ำและกรองด้วยผ้าขาวบาง กรณีต้องการสีอื่น อาจใช้สีผสมอาหารแทน
2. นำน้ำลอยดอกมะลิไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ผสมน้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดีเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำแป้งทั้งสองชนิด ผสมกับกะทิ นวดให้เหนียว จากนั้นใส่น้ำลอยดอกมะลิที่ผสมน้ำตาลแล้ว (ขั้นตอนที่ 2) ลงไปผสมให้เข้ากัน
4. แบ่งแป้งที่ผสมแล้วออกเป็น ส่วน ส่วนแรกแบ่งไว้ทำสีขาว และส่วนที่สอง ไว้ทำสีม่วงโดยเติมน้ำดอกอัญชัน (น้ำใบเตยหรือสีผสมอาหาร)ลงไปคนให้เข้ากัน
5. นำถาดที่ต้องการ (หรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้) ใส่บนลังถึงตั้งบนไฟแรง ๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาวเทใส่ลงในถาดเกลี่ยให้ทั่วถาดบางที่สุด ปิดฝาเพื่อให้สุกประมาณ นาที เปิดดูแป้งจะมีลักษณะใส จากนั้นตักแป้งสีม่วง (หรือสีที่ผสมลงไป) ใส่ลงไป อีก ทำสลับกันจนแป้งหมด (เคล็ดลับ : ควรใช้ภาชนะที่มีความจุเท่ากันในการตวงแป้งเทแต่ละชั้น เพื่อที่จะได้แป้งที่มีความหนาเท่า ๆ กัน)
6. นึ่งจนขนมสุกทั้งหมด แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ ชั่วโมงจึงตัดเป็นชิ้นเพื่อเสริฟ (เคล็ดลับ : ก่อนที่จะเทแป้งเพื่อทำชั้นต่อไปทุกครั้ง จะต้องแน่ใจว่าขนมในชั้นล่างนั้นสุกแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้น แป้งชั้นนั้นจะไม่สุกเลย ถึงแม้จะใช้เวลานึ่งนานเท่าใดก็ตาม)